ตู้เย็นHaier ตัวช่วยสำคัญของทุกจานได้ #อย่างโปร


ฟู้ดสไตลิสต์ นักสร้างสรรค์ภาพอาหารให้ออกมาสวยโดดเด่นดูน่ารับประทาน การเป็นฟู้ดสไตลิสต์ #อย่างโปร
ต้องมีรสนิยมเข้าใจเรื่องอาหารและรู้จักวัตถุดิบต่าง ๆ เป็นอย่างดี เพื่อจะนำวัตถุดิบเหล่านั้นมาผสมผสานสร้างเอกลักษณ์อาหารบนจานให้น่าสนใจ “
คุณจี๊ด” ธัญญานันท์ ศรีชัยวรรณ ฟู้ดสไตลิสต์ที่ทำงานเกี่ยวกับธุรกิจอาหารมาหลายปี

เล่าว่าการจัดตกแต่งอาหารเหมือนงานศิลปะที่สามารถทำให้สวยได้โดยมีวัตถุดิบเป็นนางแบบ
-นายแบบ ถ้าแบบสวยดูดีภาพก็ออกมาดูดีเช่นกันเมื่อกับมีวัตถุดิบที่สดใหม่ก็ทำให้ภาพงานออกมาสมบูรณ์แบบ
ตั้งแต่จี๊ดทำงานเกี่ยวกับธุรกิจอาหารและในสายอาชีพฟู้ดสไตลิสต์มาหลายปี ก็มีคำถามที่คนส่วนใหญ่อาจจะสงสัย ว่ากว่าจะได้มาทำงานในอาชีพนี้ต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้าง?วันนี้นึกครึ้มอกครึ้มใจเลยอยากจะเล่าให้ฟังค่ะ

สิ่งสำคัญอันดับแรกในการทำงานฟู้ดสไตลิสต์คือ วัตถุดิบต้องดีแล้ว วัตถุดิบที่ดีต้องเป็นอย่างไร?”

วัตถุดิบที่ดีต้องสด ใหม่ คุณภาพต้องเหมือนกับออกมาจากสวนหรือฟาร์มได้ยิ่งดี ยกตัวอย่างเช่น หากเราต้องทำงานเกี่ยวกับเนื้อวัว เนื้อที่เราเลือกนั้น ต้องเลือกเนื้อให้ถูกส่วน รูปร่างสวยงาม สีแดงสดไม่ช้ำเลือดช้ำหนองหรือซีดจาง การจะหั่นออกมาได้เป็นชิ้นที่สวยงามนั้น การจัดเก็บในตู้เย็นที่รักษาอุณหภูมิได้ดีเป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งถ้าเรามีตู้เย็นที่สามารถปรับอุณหภูมิให้ได้เหมาะสมกับเนื้อชิ้นนั้นแล้วล่ะก็ ยิ่งเพอร์เฟคเลยค่ะ

ในการทำงานแต่ละครั้งมีเคล็ดลับในการเลือกวัตถุดิบอย่างไร?

เคล็ด(ไม่)ลับ ในการเลือกวัตถุดิบหลังจากได้โจทย์จากลูกค้าในการทำงานแต่ละครั้งก็มีอยู่ไม่กี่อย่างนั่นคือ “ขนาด สีสัน ความสดใหม่” สามคุณสมบัตินี้จะประกอบกันทำให้งานสมบูรณ์แบบ หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็จะทำให้คุณภาพของงานลดลงไปด้วย

วัตถุดิบมีผลกับความสวยงามของอาหารบ้างไหม?

เราต้องกลับมาทำความเข้าใจกันก่อน ว่าวัตถุดิบเนี่ย ถือว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารที่ขาดไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากมีงานถ่ายสเต๊กเนื้อ องค์ประกอบของเมนูอาหารจานนี้จะประกอบไปด้วยเนื้อคุณภาพดี สลัดผัก มันบดหรือขนมปัง และน้ำซอส องค์ประกอบเหล่านี้ต้องการจัดเก็บในตู้เย็นที่มีความเย็นแตกต่างกัน ก่อนจะนำมาประกอบรวมจาน หากวัตถุดิบต่าง ๆ ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีภาพของจานอาหารจานนี้ก็จะสวยงามสมบูรณ์…เช้าใจตรงกันนะคะ

มีวิธีอะไรบ้าง ที่จะทำให้วัตถุดิบคงความสดเเละความสวยงามได้อย่างยาวนาน?

ก่อนอื่นต้องเลือกที่มาของแหล่งวัตถุดิบ การขนส่ง และการจัดเก็บค่ะ ตัวอย่างอาหารเมนูสเต๊กเนื้อ เราต้องคัดเลือกเนื้อให้ถูกส่วนก่อน จากแหล่งวัตถุดิบหรือจากห้างร้านที่ดี แล้วรีบนำกลับมาในเวลาที่เหมาะสม และสิ่งสำคัญที่สุดก็คือขั้นตอนการจัดเก็บ เราควรเลือกจัดเก็บในตู้เย็นทันทีเพื่อคงคุณภาพของเนื้อไว้ให้ดีที่สุด อย่างเนื้อสเต๊ก สีต้องแดงสวยเห็นลายของไขมันชัดเจน ก้อนชิ้นสวยงามไม่มีเลือดซึมและไม่แข็งจนเกิดเป็นเกล็ดน้ำแข็งเป็นต้น

Tips: วิธีเก็บรักษาวัตถุดิบให้สดและเก็บได้นาน

เนื้อสัตว์ ใส่ในช่องธรรมดาที่อุณหภูมิ 0-4 องศาเซลเซียส เนื้อจะอยู่ได้ประมาณ 2 วัน ถ้าอยากยืดอายุให้นานขึ้นให้ใส่ในช่องแช่แข็งที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า -18 องศาเซลเซียส แบ่งปริมาณเนื้อให้พอดีกับการใช้งาน ไม่ควรนำออกมาวางแช่น้ำให้ละลายแล้วกลับไปแช่ใหม่เพราะทำให้เนื้อสูญเสียคุณค่าและความอร่อย

ปลาสด ทำความสะอาดแล้วแบ่งเก็บเหมือนเนื้อสัตว์อื่น ใส่ในช่องแช่แข็งอุณหภูมิ -12 ถึง -18 องศาเซลเซียส อยู่ได้ถึง 6 เดือน

ผักสด/ผลไม้ ควรเก็บที่อุณหภูมิประมาณ 10 องศาเซลเซียส ไม่ควรแช่ไว้ในช่องที่มีอุณหภูมิต่ำกว่านี้เพราะทำให้วิตามินและแร่ธาตุถูกทำลายได้ และทำให้ช้ำไม่สวย

ตู้เย็น Haier Magic Cooling Series มีช่องแยกอิสระ Fridge, Freeze, Magic Room ปรับอุณหภูมิอิสระ -18 ถึง 5 องศาเซลเซียสสามารถปรับอุณหภูมิจำเพาะที่ต้องการแช่ของได้ตามใจ

เคยเจอปัญหากับการเก็บวัตถุดิบบ้างไหม?

แน่นอนค่ะ หลายต่อหลายครั้งที่งานพังเพราะวัตถุดิบพินาศ ขนาดอุตส่าห์เลือกแหล่งวัตถุดิบที่ดีแล้ว ขนส่งมาดีแล้ว ทำเวลาได้อย่างดีที่สุดแล้ว แต่มาเสียตรงการจัดเก็บที่จัดเก็บวัตถุดิบผิดช่องหรืออุณหภูมิไม่เหมาะสม ก็มีแต่พังกับพังค่ะ

ตู้เย็น Haier ช่วยดูแลวัตถุดิบได้มากน้อยแค่ไหน?

ตู้เย็น Haier Magic Cooling Series ตู้เย็น 2 ประตูเป็นผู้ช่วยที่ดีของจี๊ดในการจัดเก็บคุณภาพของวัตถุดิบให้คงความสด คงสภาพสวยยาวนานช่วยให้งานของจี๊ดดีมากยิ่งขึ้น ตู้เย็นรุ่นนี้ขนาดกำลังดีมีดีไซน์สวยเท่ที่สำคัญมีเทคโนโลยีที่ชอบมากคือมีช่อง 3 SPACE 3 ช่องแยกอิสระ Magic Room ช่องแช่ปรับอุณหภูมิอิสระ -18 ถึง 5 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับแช่ของที่ต้องการอุณหภูมิจำเพาะที่สามารถปรับอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำตามใจเรา ไม่ว่าจะแช่เนื้อสัตว์ ผักสดหรือผลไม้สำหรับตกแต่งต้องการอุณหภูมิอยู่ที่เท่าไรก็สามารถปรับได้เลยตามความเหมาะสมตั้งแต่ -18 ถึง 5 องศาเซลเซียส พร้อมระบบ No Frost และTwin Convertible สามารถปรับอุณหภูมิทั้งช่องแช่แข็งและช่อง Magic Room พร้อมกัน เทคโนโลยีพัดลม Vortex 2 ตัว พัดลมแยกอิสระเย็นทั้งตู้ แล้วยังประหยัดพลังงานที่สุดในตลาดด้วยคอมและพัดลมอินเวอเตอร์ ตั้งแต่มีตู้เย็น Haier รุ่นนี้การทำงานสร้างภาพอาหารสวย ๆ ของจี๊ดก็ง่ายและสะดวกมากขึ้นตอบโจทย์อาชีพจี๊ดมากจริง ๆ ค่ะ

ตู้เย็น Haier ตัวช่วยเรื่องงานและช่วยดูแลครอบครัว

จี๊ดมีลูกสาววัยกำลังโตอายุ 7 ปี มีสามีที่รักสุขภาพมาก ๆ และมีคุณแม่สามีอายุ 70 กว่า จี๊ดทำอาหารให้ครอบครัวทานทุกวัน ซึ่งอาหารที่ทำจะเน้นเรื่องสุขภาพเป็นพิเศษอาหารต้อง สด สะอาด ปลอดภัย จะเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีสดใหม่เพื่อรักษาคุณค่าของวัตถุดิบได้มากที่สุดและอาหารก็อร่อย ตู้เย็น Haier นอกจากเป็นตัวช่วยที่ดีเรื่องงานแล้วยังตอบโจทย์ชีวิตครอบครัวของจี๊ด ด้วยความที่บ้านมีคนหลายวัยอยู่ร่วมกันความต้องการอาหารก็หลากหลายไปด้วย เช่น แม่สามีชอบทานปลานึ่ง ลูกชอบทานสปาเก็ตตี้ ส่วนสามีและจี๊ดชอบทานสเต็กเนื้อ แล้วที่ขาดไม่ได้เลยคือผักสลัดและผลไม้ต้องมีติดบ้านตลอด ดังนั้นการจัดเก็บวัตถุดิบที่แตกต่างกันในอุณหภูมิที่เหมาะสมกับแต่ละชนิดจึงสำคัญมาก ยิ่งช่อง Magic Room ของตู้เย็น Haier รุ่นนี้ช่วยดูแลเรื่องเก็บวัตถุดิบให้สดพร้อมสำหรับทุกคนในบ้านได้ดีเลยค่ะ นอกจากนี้การใช้งานก็สะดวกสบายสุด ๆ มีปุ่ม Smart Control ปุ่มปรับอุณหภูมิอัจฉริยะหน้าตู้ทั้ง 3 ช่อง ที่ให้เรากดปุ่มปรับอุณหภูมิจากหน้าตู้เย็นได้เลยโดยไม่ต้องเปิดตู้เย็น

Fact:

การเปิดตู้เย็นแต่ละครั้งทำให้ความเย็นข้างในตู้ถ่ายเทออกมาแล้วอากาศร้อนข้างนอกก็เข้าไปแทนที่ส่งผลเรื่องอุณหภูมิความเย็นไม่คงที่มีผลต่อวัตถุดิบที่แช่ เมื่อสูญเสียความเย็นตู้เย็นจะต้องเริ่มสะสมความเย็นใหม่เพื่อปรับอุณหภูมิของตู้เย็นให้เย็นลง ส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักมากขึ้น และทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน และค่าไฟ

ตู้เย็น Haier Magic Cooling Series มี Smart Control ปุ่มปรับอุณหภูมิอัจฉริยะหน้าตู้กดปุ่มปรับอุณหภูมิจากหน้าตู้เย็นโดยไม่ต้องเปิดตู้เย็น และประหยัดพลังงานที่สุดในตลาดด้วยคอมและพัดลมอินเวอเตอร์

ถ้าชอบเรื่องเกี่ยวกับอาหารแต่ไม่ชอบทำอาหารคุณก็อาจเป็นฟู้ดสไตลิสต์ได้ #อย่างโปร เพียงแค่รู้จักวัตถุดิบของอาหารและมีตัวช่วยดี ๆ อย่างตู้เย็น Haier Magic CoolingSeries HRF-330MGI เพราะแค่มีตัวช่วยดี ๆ ก็ทำให้อาหารจานธรรมดาดูสวยสะดุดตาสมบูรณ์แบบได้ไม่ยาก

ตู้เย็น Haier ตัวช่วยสำคัญของ Jeedwonder

การเก็บรักษาวัตถุดิบ เพื่อคงความสด ใหม่ ให้ปรุงแล้วจัดลงจานอย่างสวยงาม เป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Food stylist ทุกคน รวมถึงตัวจี๊ดเอง ที่จะพลาดเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เลยค่ะ จี๊ดเลยให้ตู้เย็นจาก Haier เป็นหนึ่งตัวช่วยสำคัญของทุกจาน ไม่ว่าจะยากง่ายแค่ไหน ทุกจานที่จี๊ดจัด มีเจ้าตู้เย็นเครื่องนี้นี่แหละ ที่คอยช่วยเหลือเรื่องวัตถุดิบได้…อย่างโปรค่ะ

#Haier #HaierThailand #HaierInspiredLiving #kolprofessional #อย่างโปร

แจกสูตร “ขนมปังแม่หมี ลูกหมี” ขนมปังฮอกไกโด อุ่น-อบ กันสนุกทุกครอบครัว

“ขนมปังแม่หมีลูกหมี” เมนูขนมปังฮอกไกโดอีกหนึ่งขนมปังสุดฮิตแห่งยุค แม้จะมีขายทั่วไปแต่หลายคนก็ไม่มั่นใจความอร่อยและความสดใหม่ งั้นมาลงมือทำเองกันเลยค่ะ

เมนูขนมปังเนื้อนุ่มฟู อร่อยจนลืมไม่ลง

“แม่หมี ลูกหมี” สูตรขนมปังฮอกไกโด จากแม่จี๊ดวันเดอร์คนนี้เองค่า

ส่วนผสม
– แป้งขนมปัง 270 กรัม
– แป้งเค้ก 30 กรัม
– นมผง 15 กรัม
– เกลือ 4 กรัม
– patto-3 3 กรัม
– นมสด 125 กรัม
– ครีมสด 75 กรัม
– ไข่ไก่ 30 กรัม
– น้ำตาล 40 กรัม
– ยีส. 5 กรัม
– เนย 5 กรัม
– มอสซาเรลล่าชีส 1 ก้อน
– ช็อกโกแล็ต 1 ช้อนโต๊ะ

ร่อนแป้งขนมปัง
ร่อนแป้งเค้ก
ร่อนนมผง
ร่อนเกลือ
ร่อน patto-3

ผสมให้เข้ากัน

ผสมส่วนผสมที่เป็นของเหลว ได้แก่
นมสด และ ครีมสด

นำเข้าไมโครเวฟอุ่นเล็กน้อย

ใส่ไข่ไก่ ใส่น้ำตาล ผสมให้น้ำตาลไม่เกาะตัวกันเป็นเม็ด
ใส่ยีส ผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว

เกลี่ยส่วนผสมผงให้ตรงกลางเป็นรู เทส่วนผสมของเหลวลงไปตรงกลาง

คลุกเคล้าให้ผงแป้งกับของเหลวจับตัวเป็นเนื้อเดียวกัน

โรยแป้งนวล เพื่อช่วยในการนวดแป้งไม่ให้ติดกับโต๊ะ

นวดแป้งให้ได้ที่ นำไปใส่ในภาชนะแรปด้วยพลาสติกใสรอให้แป้งเซ็ตตัว 1 ชั่วโมงที่อุณหภูมิห้อง แป้งจะฟูขึ้นเท่าตัว

ใส่ถ้วยกระดาษในถาดหลุม เมื่อแป้งของเราโดนความร้อนจะพองฟูขนาดเท่ากับภาชนะ

นำแป้งที่ฟูขึ้นรูปเสร็จแล้ว มาตัดแบ่งเป็น 12 ชิ้น

นวดแป้งเข้าตรงกลางชิ้น ใส่มอสซาเรลล่าชีส

จับเนื้อแป้งปิดรูให้เรียบร้อย คลึงแป้งที่โต๊ะให้แป้งเนียนได้รูป

ใส่แป้งที่ปั้นเสร็จแล้วลงในถ้วยกระดาษ ปั้นแป้งเป็นหูติดที่หน้าแป้ง

แรปแป้งด้วยพลาสติกอีกครั้งรอจนแป้งฟูขึ้นเต็มแม่พิมพ์

ทาเนยเพื่อให้ความชุ่มช่ำเนื้อแป้งไม่แห้ง
ทาไข่ไก่เพื่อให้แป้งของเราสีเหลืองสวยงาม

นำเข้าเตาอบตั้งความร้อนที่ 175-180 องศาเซลเซียส
ใช้เวลา 20 นาที

ทาเนยอีกรอบ

ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นวาดหน้าน้องหมีด้วยช็อกโกแล็ต

อบเสร็จแล้วค่ะ เนื้อนุ่มมาก แค่ฉีกกินตอนร้อนๆ ก็อร่อยแล้ว

หนังสือ my home ฉบับพิเศษ
สามารถสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ www.naiin.com และเพจ The book house โดยสำนักพิมพ์ หรือ ซื้อได้ที่ร้านขายหนังสือทั่วประเทศ

ขอบคุณนิตยสาร สำหรับภาพประกอบที่น่ารักอบอุ่นมากๆ ค่ะ

น้ำจิ้มลูกชิ้นน้ำมะขามเปียก

ขอเกาะกระแสน้องลิซ่า #LALISA ว่าด้วยเรื่องลูกชิ้นยืนกินบุรีรัมย์

แต่ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องในวัยเด็กนิดนึง น่าจะช่วงมัธยมต้น ที่มีบางครั้งต้องอาศัยติดรถเพื่อนกลับบ้าน แรกๆ เพื่อนก็ใจดีให้เรากลับบ้านด้วยแบบฟรีๆ แต่หลังๆ ขอค่าขนมจากเราครั้งละ 5-10 บาทบ้างแล้วแต่เราจะมีให้ ซึ่งระหว่างทางเพื่อนคนนี้ก็จะแวะร้านลูกชิ้นเป็นประจำ ซึ่งเป็นร้านรถเข็นไม่มีที่นั่งแต่จะมีลูกชิ้นให้เลือกกับน้ำจิ้มหม้อใหญ่ๆ แถมยังมีผักให้จิ้มกินแกล้มแบบไม่อั้นด้วย…เราบอกเพื่อนไปว่าเราไม่มีเงินเพราะต้องเก็บเงินไว้เป็นค่ารถให้นางนั่นแหละ แต่นางก็พูดยิ้มๆว่า “งั้นก็กินผักกับน้ำจิ้มรอละกัน…ไม่เสียตัง” มันเป็นภาพจำมาจนทุกวันนี้

เราไม่รู้หรอกว่าน้ำจิ้มลูกชิ้นยืนกินที่บุรีรัมย์เป็นอย่างไร? แต่เราจำรสชาติรสชาติของน้ำจิ้มของร้านลูกชิ้นเจ้านั้นได้ดี…ไม่มีวันลืม

พอเกิดกระแสน้องลิซ่ากับน้ำจิ้มสูตรเด็ดที่หน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์ อย่าว่าแต่คนแห่ไปซื้อเลย เราเองก็นึกอยากกินเหมือนกัน ถึงกับโทรไปถามขอสูตรแม่ และแม่ก็บอกว่า “น้ำจิ้มสูตรนี้ไม่ได้เป็นสูตรพิเศษอะไรนักหนา มันก็เป็นเพียงน้ำจิ้มสูตรน้ำมะขามเปียกพริกป่นที่มีมานานแล้วเท่านั้น”

เมื่อทำน้ำจิ้มเสร็จเรียบร้อยก็จัดสำรับลูกชิ้นไม่ให้เสียชื่อจี๊ดวันเดอร์สักกะหน่อย…ไหนมาดูสูตรแล้วลองทำกันค่ะทุกคน

น้ำจิ้มลูกชิ้นน้ำมะขามเปียกสูตร jeedwonder

สูตรนำ้จิ้มน้ำมะขามเปียก

ส่วนประกอบ

น้ำมะขามเปียกคั้นและกรองเรียบร้อยแล้ว 6 ช้อนโต๊ะ
รากผักชีและกระเทียมสับรวมกัน 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำตาลมะพร้าว 10 ช้อนโต๊ะ
น้ำกระเทียมดอง 1 ช้อนโต๊ะ
เนื้อกระเทียมดองสับ 1 หัว
พริกชี้ฟ้าแห้งป่น 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งมัน หรือ แป้งข้าวโพดละลายน้ำ ½ ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
ผักชีสับตามชอบ

สูตรน้ำจิ้มลูกชิ้น
ลูกชิ้นเสียบไม้ เสริฟพร้อมน้ำจิ้ม จัดวางบนตะกร้าหวายสองชั้น

วิธีทำ

  1. ตั้งหม้อด้วยไฟกลางค่อนอ่อน ใส่น้ำ น้ำมะขามเปียก น้ำตาลมะพร้าว คนให้เข้ากัน
  2. ใส่น้ำกระเทียมดอง กระเทียมกับรากผักชีสับ เนื้อกระเทียมดองสับ พริกชี้ฟ้าแห้งป่น คนให้เข้ากันรสชาติจะออกหวานนำ เปรี้ยว เค็ม และเผ็ด (หากใครชอบเผ็ดกว่านี้เพิ่มพริกได้ตามชอบ
  3. เคี่ยวส่วนผสมให้ข้นเหนียว (แม่บอกว่าสูตรโบราณจริงๆจะไม่ใส่แป้งมันลงไป) แต่ถ้าชอบความเหนียวหนึบแบบแป้งเคลือลูกชิ้นก็ให้เติมน้ำแป้งคนให้ละลายดี
  4. เมื่อน้ำจิ้มเย็นแล้วก่อนเสิร์ฟก็โรยผักชีเพิ่มความหอม เสิร์ฟกับลูกชิ้นทอดร้อนๆ….อร่อยไม่ลืมแน่นอน

เรื่อง/ภาพ: jeedwonder

#น้ำจิ้มลูกชิ้นยืนกิน #น้ำจิ้มลูกชิ้นน้ำมะขามเปียก #น้ำจิ้มลูกชิ้น #น้ำจิมลูกชิ้นโบราณ #แจกสูตร #recipe #lalisa

อาหารเช้ากับไข่เบเนดิกท์

ทำไมอาหารเช้า ถึงเรียกว่า Breakfast ?

ก่อนถึงกลางศตวรรษที่ 17 คนส่วนใหญ่ในยุโรป กินอาหารเพียง 2 มื้อ คือ อาหารกลางวันที่มักจะกินเวลาตั้งแต่สายจนบ่าย  กับอาหารเย็นจนดึก และเรียกมื้อหลัก ว่า Dinner อยู่ที่ว่าแถบไหนจะนิยมกินมื้อไหนเป็นมื้อหลัก แล้วจึงค่อยมีคำเรียกย่อยๆ ว่า Lunch  หรือ  Supper ในเวลาต่อมา (สังเกตการเรียกห้องรับประทานอาหารในงานออกแบบสิ ว่าใช้คำว่า Dining room ซึ่งแปลว่า ห้องกินข้าว ) ไข่เบเนดิกท์

จนกระทั่งเมื่อเข้ากลางศตวรรษที่  18 การเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้นิยามอาหารเช้าแบบเต็มรูปแบบว่า Breakfast ซึ่งมาจาก คำว่า “Break to fast”  ที่แปลง่ายๆว่า การหยุดอดอาหารที่ยาวนานในเวลากลางคืน ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากอังกฤษและยุโรปตอนเหนือ #breakfast

ที่มีการจัดอาหารเช้าเต็มรูปแบบสำหรับแขกที่มาพักที่บ้านและระบาดไปตามโรงแรม เพื่อเป็นการประกาศศักดาว่าตนมีฐานะร่ำรวยเป็นต้น นับแต่จากนั้น คำว่า Breakfast จึงเป็นที่นิยมและรู้จักว่าเป็นมื้อเช้า มื้อสำคัญสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่

Egg Benedict | ไข่เบเนดิกท์

ไหนๆเล่าที่มาของคำว่า Breakfast แล้ว ขอกระแดะขอเล่าต่อด้วยอาหารเช้าแบบฝรั่งๆ ที่ชื่อว่า Egg Benedict หรือ ไข่เบเนดิกท์ เลยละกัน

จริงๆ แล้วที่มาคลุมเครือ

บ้างว่ามาจากนามสกุลของชายชื่อว่า Lemuel Benedict (เลมวล เบเนดิกต์) นายหน้าค้าหุ้นชาวนิวยอร์ควัยเกษียณที่ไม่พอใจอาหารเช้าของโรงแรม Waldorf Hotel ที่เข้าพักเมื่อปี 1894 เขาเลยสั่งเมนูใหม่โดยให้นำ “ขนมปังปิ้งทาเนย ไข่ดาวน้ำ เบคอนกรอบๆแล้วราดด้วยซอสฮอลแลนเดส” ผู้จัดการห้องอาหารถูกใจเมนูนี้มากจึงได้บรรจุลงในเมนูอาหารเข้าของที่นี่ในเวลาต่อมา*
—————————
* บทสัมภาษณ์ถูกตีพิมพ์ในปี 1942 จากนิตยสาร New Yorker

แต่ก็มีการคัดค้านจากทายาทของ ผู้การ อี.ซี. เบเนดิต์ (Commodore E.C.Benedict) ว่าเป็นสูตรของลุงตน

หรืออาจจะมีต้นกำเนิดที่ยุโรปที่ระบุถึงอาหารพื้นบ้านฝรั่งเศสชื่อ เอือฟ อาลา เบเนดิกตีน (oeufs a’ la be’ne’dictine) ซึ่งเป็นอาหารเช้าที่นักบวชนิกายเบเนดิกตีนรับประทานก็เป็นได้

หรือแม้กระทั่งการตีพิมพ์สูตรไข่เบเนดิกท์ในช่วงเปลี่ยนสู่ศตวรรษที่ 20ในหนังสือชื่อ Eggs, and how to use them ตีพิมพ์ปี 1898 ว่าด้วยเรื่อง “การปรุงไข่ในรูปแบบต่างๆ กว่า 500 แบบ”

ซึ่งลักษณะของเมนูนี้จะเห็นความเหมือนและคล้ายกัน

คือการประกอบไปด้วย

คาโบไฮเดรท ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง อิงลิชมัฟฟิน หรือ วาฟเฟิล

ไขมัน จาก เนยในการย่างหรืออบแป้ง

โปรตีน จาก แฮม เบคอน ไส้กรอก หรือปรับเป็นเนื้อปลากุ้งหอยแล้วแต่จะสร้างสรรค์

ครีมหรือซอสฮอลแลนเดส ซึ่งประกอบไปด้วย ไข่แดง เนย น้ำส้มสายชู เกลือ และพริกไทย

เอาเป็นว่าไม่ว่า ไข่เบเนดิกท์ จะมีที่มาจากไหน แต่ล้วนแล้วถูกอ้างว่ามาจาก คำว่า “เบเนดิกท์” ทั้งสิ้น

เมนูที่ดูเหมือนง่าย แต่กลับต้องใช้ทักษะขั้นเทพ ไม่ว่าจะเป็นการทำไข่ดาวน้ำให้ได้ความสุกที่พอดี รูปแบบออกมาสวย และจะสมบูรณ์แบบเมื่อตัดออกมาแล้วมีความเยิ้มของไข่แดงมาผสมกับซอสและขนมปังที่กรอบหอม

ซอสฮอลแลนเดส คือการตีไข่ในความร้อนกับมายองเนส(เพราะมีไขมัน น้ำส้มสายชู เกลือ พริกไทย) ให้ได้สัดส่วนที่พอดีไม่ให้ไข่สุกเนื้อไข่กับครีมเข้ากันดี บางสูตรเพิ่มมัสตาสเข้าไปแล้วแต่ชอบ

เท่านี้อาหารมื้อเช้าที่มาจากวัตถุดิบพื้นฐานที่หาได้ในตู้เย็นก็ดูหรูหราให้คุณค่าและตามมาด้วยมูลค่าด้วยนะเออ…

เรื่อง / ภาพ  : jeedwonder เชฟแม่ธิชา
ข้อมูล : ตำนานอาหารโลก เบื้องหลังจานโปรดโดนใจคนทั่วโลก แปลโดย พลอยแสง เอกญาติ
(What Caesar did for my salad: The secret meanings of our favourite dishes by Albert Jack)

อ่านเรื่องที่น่าสนใจ ไอเดียการตกแต่งโต๊ะอาหารในเทศกาลตรุษจีนและวาเลนไทน์ ในคราวเดียว

ติดตาม jeedwonder

สร้อยข้อมือจากกระดุม

#mythought #flashback
ดัดแปลง…แกล้งทำตอนเด็กๆ ฉันแทบไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ หรือรองเท้าใส่เล่นใหม่ๆ ความสุขในวัยเด็กของฉันคือการได้รับของต่อจากพี่ ซึ่งเป็นลูกของป้าลูกของลุง นานๆที่จะได้ของใหม่สักครั้งซึ่งจำแทบไม่ค่อยได้ บ้านของยายเป็นเรือนไม้ทั้งหลัง หน้าบ้านเป็นโรงรถฝั่งหนึ่ง อีกฝั่งหนึ่งกั้นด้วยไม้ระแนงขนาดประมาณหนึ่งนิ้วครึ่งเว้นระยะห่างประมาณช่องละนิ้ว ด้านหนึ่งของผนังเป็นกระดานดำแผ่นใหญ่ (จริงๆมันเป็นกระดานไม้ทาด้วยสีเขียวแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเรียกว่ากระดานดำ) เป็นที่ไว้สำหรับพี่ๆใช้เรียนพิเศษ

ฉันจำได้เลือนลางว่ารถของป้าเป็นรถโฟล์กเต่าสีไข่ไก่ แม่เล่าว่าตอนที่ป้าขายรถคนนี้ไปฉันร้องไห้ตาบวมค่าที่ชอบรถคันนี้เพราะว่ามันสวยเหมือนรถของเจ้าหญิง

พื้นที่ใช้สอยของบ้านก็ปกติ มีห้องรับแขกหน้าบ้าน กระไดไม้ทอดยาวไปชั้นบนซึ่งเป็นห้องนอนของลุงเซ็นกับป้าลาและพี่ๆ ทั้งสี่คน ส่วนห้องข้างล่างตรงกลางบ้านเป็นห้องกินข้าว มีโต๊ะไม้ตัวใหญ่วางกลางห้องกับเกัาอี้ไม้บุหนังเทียมสีครีมข้างละสามตัว

หน้าต่างบ้านนี้เป็นบานยาวสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน และมีลูกกรงไม้กั้นไว้กันตก ข้างๆ มีตู้เย็นหลังใหญ่ด้านหลังโต๊ะระหว่างทางเดินเป็นตู้กับข้าวไม้ขนาดใหญ่ ภาพคุ้นตาของห้องนี้คือภาพของยายทองคำนั่งกับพื้นหน้าตู้เย็นค่อยๆ หั่นหมากเป็นแว่นๆ ใส่กระด้งก่อนเอาไปตากหรือบางทีแกก็จะนั่งตำหมากเคี้ยวช้าๆ แววตามองทอดยาวไปที่รั้วข้างบ้าน ซึ่งติดกับทึ่ว่างเปล่าเต็มไปด้วยหญ้ารก

ส่วนที่โต๊ะกินข้าวภาพที่ฉันจำได้ติดตาก็คือภาพของลุงเซ็นสามีของป้าลาพี่สาวคนรองก่อนแม่ฉัน แกจะนั่งใช้แว่นขยายดูพระบ้าง อ่านหนังสือพระบ้างที่โต๊ะตัวนี้ นอกจากใช้เป็นที่รวมกินข้าวของทุกคนในบ้านถัดจากห้องกินข้าวก็จะเป็นลานกลางบ้าน ที่เป็นทางเชื่อมไปยังห้องเล็กและห้องเก็บของหลังบ้าน ลานกลางบ้านนี่ล่ะ ที่ใช้ทำครัว เป็นลานซักล้าง และเป็นที่รวมทำกิจกรรมในบ้านของยาย

ส่วนห้องเล็กหลังบ้านแม่เล่าว่าเคยเป็นเรือนหอของพ่อกับแม่ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ที่แฟลตตำรวจ ห้องเก็บของหลังบ้านนี่ล่ะ ที่ฉันอยากจะพูดถึง ความจริงจะเรียกว่าห้องก็ไม่ถูกเท่าไหร่นักเพราะมันมีแค่ผนังสามด้าน

อีกด้านหนึ่งเปิดโล่งทำให้มองเห็นสวนกล้วยกับทุ่งรกๆ หลังบ้านนอกจากความสุขที่ได้รับช่วงต่อเสื้อผ้าของใช้จากพี่ๆ แล้ว ห้องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความสุขของฉัน ฉันมักจะเจอหนังสือเก่าๆ ที่ถูกทิ้งไว้ รองเท้า กระเป๋าเก่า ของที่บ้านนี้ไม่ใช้แล้ว แต่ฉันก็มีความสุขเสมอที่ได้เจอของใหม่ๆจากของเก่าตรงนั้น กรอบรูปพลาสติกลายฉลุที่เก่าสกปรก ฉันก็เอามันไปขัดสีฉวีวันทาสีใหม่จนลืมสภาพของมันจนสิ้น หนังสือนิตยสารเก่าอย่างบ้านและสวน แพรวสุดสัปดาห์ ฉันก็จะเอามานั่งอ่านอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งใครจะรู้ว่าวันหนึ่งฉันจะมีโอกาสได้ทำงานที่สำนักพิมพ์นี้ในอนาคตหลังบ้านของยายจึงเหมือนขุมทรัพย์ที่พาฉันได้ท่องโลกกว้างและรู้สึกตื่นเต้นอยู่เสมอ

เสื้อผ้าของพี่ๆส่วนใหญ่เป็นของมียี่ห้อ ต่ำๆก็แตงโม จีออดาโน่ จัสปาล บานาน่ารีพับบลิค รีเพลย์ เบเนตอง เป็นต้น (ลืมบอกไปว่าลูกของป้าอายุห่างจากฉันกว่าสิบปี เสื้อผ้าของใช้จึงเป็นของคนหนุ่มสาว) เมื่อฉันเอาเสื้อผ้าของพี่ๆมาใส่เลยดูกระเดียดไปทางแก่แดดกว่าเพื่อน บางตัวฉันก็จะใส่แบบที่มันเคยเป็นมา สมัย ม.3 ฉันเคยถูกเพื่อนคนหนึ่งนินทาว่ากางเกงฉันดูเก่ามาก แต่จริงๆแล้วมันเป็นดีไซน์ที่ทำให้ดูเหมือนเก่า ฉันก็เลยคิดดูถูกเพื่อนคนนั้นกลับไปว่านางไม่มีรสนิยมและถึงแม้กางเกงฉันจะดูเก่าจริงแต่ก็ยี่ห้อรีเพลย์ละกัน เด็กตจว.หลังเขาอย่างนางก็คงไม่รู้จัก (ตอนที่ว่านางในใจ ฉันก็แอบพูดกับตัวเองว่าถึงฉันจะอยู่จังหวัดเดียวกันกับนางแต่รสนิยมของฉันก็ไม่ธรรมดานะจ๊ะ เหอๆ)

เล่าต่อ…ส่วนเสื้อผ้าบางตัวที่ดูขัดใจ เช่นขายาวไปฉันก็จะเอามาตัดเป็นขาสั้น เปลี่ยนกางเกงให้เป็นกระโปรง เสื้อตัวยาวก็จะเอามาตัดเป็นเอวลอยบ้าง ทำแขนกุดบ้าง หรือแปลงสภาพจากกางเกงกลายเป็นเป้สะพายไปเลยก็มีไอ้เรื่องดัดแปลงแกล้งทำนี่ฉันเก่งนัก ก็อย่างที่ว่า ทุกอย่างมันเริ่มจากคำว่า “ไม่มี และ อยากมี” ตามประสาเด็กผู้หญิงวัยเริ่มสาว เห็นเพื่อนๆเขาใส่ชุดไปรเวต (คำนี้มันมาจากคำว่า private สินะ) ก็อยากมี แต่เราก็มีแต่ชุดเก่าของคนอื่น อยากภาคภูมิใจเหมือนได้ของใหม่ก็ต้องลงมือดัดแปลงเอง เห็นเพื่อนๆ มีเป้สะพายเท่ๆก็อยากได้ เมื่อไม่มีตังก็จับกางเกงเก่ามาตัดและเย็บด้วยมือ ตัวกระเป๋าทำจากกางเกงยีนส์สีดำตัดผ้าสีเทาเป็นตัวอักษร T E A M แล้วคัตเวิร์คตกแต่งที่กระเป๋าฝากระเป๋าก็ตัดจากกระเป๋าหลังของกางเกงนี่ล่ะ เลาะกระดุมเหล็กกับทำรังดุมติด แค่นี้ก็เท่ขนาดมีเพื่อนมาขอยืมไปสะพาย

ส่วนเครื่องประดับสุดเก๋ฉันก็เลาะกระดุมลายกระ (กระที่ทำมาจากกระดองเต่า ช่วงหนึ่งในชีวิตวัยรุ่นมันฮิตมากๆมากๆๆๆ) เอาเชือกหนังแท้แบบกลมขนาดพอดีกับรูของกระดุมสอดไปมากับกระดุม 4 – 5 เม็ด มัดๆผูกๆให้รูดปรับขนาดได้ ใส่แทนกำไลแบบที่ไม่มีใครเหมือนจนมีเพื่อนอีกคนมาขอยืมไปใส่เลยนะ ที่ว่าดัดแปลงของมาใช้ ทำของเก่าให้ดูใหม่ เปลี่ยนฟังชั่นของเดิมให้ไฉไลกว่าเก่าน่ะฉันถนัด ส่วนเรื่องแกล้งทำน่ะ มันเกิดจากจินตนาการของฉันเอง ความจริงฉันไม่ได้พอใจจากของที่ได้ตกทอดมาหรอกนะ แต่ทำไงได้ ในเมื่อเราไม่ได้มีอย่างเขา ฉันจึงจำเป็นต้องรับช่วงของเก่าจากพี่ๆ แล้วมาแกล้งทำว่ามีความสุขแบบสะกดจิตตัวเอง พยายามหาทางออกและสร้างความภาคภูมิใจจากชิ้นงานใหม่ของตัวเองจากฝีมือและความคิดของเด็กผู้หญิงในวัยมัธยมคนหนึ่งแกล้งทำว่าตัวเองมีความสุข จนเลยเถิดความรู้สึกนั้น กลายเป็นความสุขจริงๆเพราะฉันเชื่อว่า “ไม่มีใครในโลกนี้จะมีของแบบที่ฉันมีได้” ยังไงล่ะ…