สร้อยข้อมือจากกระดุม

#mythought #flashback
ดัดแปลง…แกล้งทำตอนเด็กๆ ฉันแทบไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ หรือรองเท้าใส่เล่นใหม่ๆ ความสุขในวัยเด็กของฉันคือการได้รับของต่อจากพี่ ซึ่งเป็นลูกของป้าลูกของลุง นานๆที่จะได้ของใหม่สักครั้งซึ่งจำแทบไม่ค่อยได้ บ้านของยายเป็นเรือนไม้ทั้งหลัง หน้าบ้านเป็นโรงรถฝั่งหนึ่ง อีกฝั่งหนึ่งกั้นด้วยไม้ระแนงขนาดประมาณหนึ่งนิ้วครึ่งเว้นระยะห่างประมาณช่องละนิ้ว ด้านหนึ่งของผนังเป็นกระดานดำแผ่นใหญ่ (จริงๆมันเป็นกระดานไม้ทาด้วยสีเขียวแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเรียกว่ากระดานดำ) เป็นที่ไว้สำหรับพี่ๆใช้เรียนพิเศษ

ฉันจำได้เลือนลางว่ารถของป้าเป็นรถโฟล์กเต่าสีไข่ไก่ แม่เล่าว่าตอนที่ป้าขายรถคนนี้ไปฉันร้องไห้ตาบวมค่าที่ชอบรถคันนี้เพราะว่ามันสวยเหมือนรถของเจ้าหญิง

พื้นที่ใช้สอยของบ้านก็ปกติ มีห้องรับแขกหน้าบ้าน กระไดไม้ทอดยาวไปชั้นบนซึ่งเป็นห้องนอนของลุงเซ็นกับป้าลาและพี่ๆ ทั้งสี่คน ส่วนห้องข้างล่างตรงกลางบ้านเป็นห้องกินข้าว มีโต๊ะไม้ตัวใหญ่วางกลางห้องกับเกัาอี้ไม้บุหนังเทียมสีครีมข้างละสามตัว

หน้าต่างบ้านนี้เป็นบานยาวสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน และมีลูกกรงไม้กั้นไว้กันตก ข้างๆ มีตู้เย็นหลังใหญ่ด้านหลังโต๊ะระหว่างทางเดินเป็นตู้กับข้าวไม้ขนาดใหญ่ ภาพคุ้นตาของห้องนี้คือภาพของยายทองคำนั่งกับพื้นหน้าตู้เย็นค่อยๆ หั่นหมากเป็นแว่นๆ ใส่กระด้งก่อนเอาไปตากหรือบางทีแกก็จะนั่งตำหมากเคี้ยวช้าๆ แววตามองทอดยาวไปที่รั้วข้างบ้าน ซึ่งติดกับทึ่ว่างเปล่าเต็มไปด้วยหญ้ารก

ส่วนที่โต๊ะกินข้าวภาพที่ฉันจำได้ติดตาก็คือภาพของลุงเซ็นสามีของป้าลาพี่สาวคนรองก่อนแม่ฉัน แกจะนั่งใช้แว่นขยายดูพระบ้าง อ่านหนังสือพระบ้างที่โต๊ะตัวนี้ นอกจากใช้เป็นที่รวมกินข้าวของทุกคนในบ้านถัดจากห้องกินข้าวก็จะเป็นลานกลางบ้าน ที่เป็นทางเชื่อมไปยังห้องเล็กและห้องเก็บของหลังบ้าน ลานกลางบ้านนี่ล่ะ ที่ใช้ทำครัว เป็นลานซักล้าง และเป็นที่รวมทำกิจกรรมในบ้านของยาย

ส่วนห้องเล็กหลังบ้านแม่เล่าว่าเคยเป็นเรือนหอของพ่อกับแม่ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ที่แฟลตตำรวจ ห้องเก็บของหลังบ้านนี่ล่ะ ที่ฉันอยากจะพูดถึง ความจริงจะเรียกว่าห้องก็ไม่ถูกเท่าไหร่นักเพราะมันมีแค่ผนังสามด้าน

อีกด้านหนึ่งเปิดโล่งทำให้มองเห็นสวนกล้วยกับทุ่งรกๆ หลังบ้านนอกจากความสุขที่ได้รับช่วงต่อเสื้อผ้าของใช้จากพี่ๆ แล้ว ห้องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความสุขของฉัน ฉันมักจะเจอหนังสือเก่าๆ ที่ถูกทิ้งไว้ รองเท้า กระเป๋าเก่า ของที่บ้านนี้ไม่ใช้แล้ว แต่ฉันก็มีความสุขเสมอที่ได้เจอของใหม่ๆจากของเก่าตรงนั้น กรอบรูปพลาสติกลายฉลุที่เก่าสกปรก ฉันก็เอามันไปขัดสีฉวีวันทาสีใหม่จนลืมสภาพของมันจนสิ้น หนังสือนิตยสารเก่าอย่างบ้านและสวน แพรวสุดสัปดาห์ ฉันก็จะเอามานั่งอ่านอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งใครจะรู้ว่าวันหนึ่งฉันจะมีโอกาสได้ทำงานที่สำนักพิมพ์นี้ในอนาคตหลังบ้านของยายจึงเหมือนขุมทรัพย์ที่พาฉันได้ท่องโลกกว้างและรู้สึกตื่นเต้นอยู่เสมอ

เสื้อผ้าของพี่ๆส่วนใหญ่เป็นของมียี่ห้อ ต่ำๆก็แตงโม จีออดาโน่ จัสปาล บานาน่ารีพับบลิค รีเพลย์ เบเนตอง เป็นต้น (ลืมบอกไปว่าลูกของป้าอายุห่างจากฉันกว่าสิบปี เสื้อผ้าของใช้จึงเป็นของคนหนุ่มสาว) เมื่อฉันเอาเสื้อผ้าของพี่ๆมาใส่เลยดูกระเดียดไปทางแก่แดดกว่าเพื่อน บางตัวฉันก็จะใส่แบบที่มันเคยเป็นมา สมัย ม.3 ฉันเคยถูกเพื่อนคนหนึ่งนินทาว่ากางเกงฉันดูเก่ามาก แต่จริงๆแล้วมันเป็นดีไซน์ที่ทำให้ดูเหมือนเก่า ฉันก็เลยคิดดูถูกเพื่อนคนนั้นกลับไปว่านางไม่มีรสนิยมและถึงแม้กางเกงฉันจะดูเก่าจริงแต่ก็ยี่ห้อรีเพลย์ละกัน เด็กตจว.หลังเขาอย่างนางก็คงไม่รู้จัก (ตอนที่ว่านางในใจ ฉันก็แอบพูดกับตัวเองว่าถึงฉันจะอยู่จังหวัดเดียวกันกับนางแต่รสนิยมของฉันก็ไม่ธรรมดานะจ๊ะ เหอๆ)

เล่าต่อ…ส่วนเสื้อผ้าบางตัวที่ดูขัดใจ เช่นขายาวไปฉันก็จะเอามาตัดเป็นขาสั้น เปลี่ยนกางเกงให้เป็นกระโปรง เสื้อตัวยาวก็จะเอามาตัดเป็นเอวลอยบ้าง ทำแขนกุดบ้าง หรือแปลงสภาพจากกางเกงกลายเป็นเป้สะพายไปเลยก็มีไอ้เรื่องดัดแปลงแกล้งทำนี่ฉันเก่งนัก ก็อย่างที่ว่า ทุกอย่างมันเริ่มจากคำว่า “ไม่มี และ อยากมี” ตามประสาเด็กผู้หญิงวัยเริ่มสาว เห็นเพื่อนๆเขาใส่ชุดไปรเวต (คำนี้มันมาจากคำว่า private สินะ) ก็อยากมี แต่เราก็มีแต่ชุดเก่าของคนอื่น อยากภาคภูมิใจเหมือนได้ของใหม่ก็ต้องลงมือดัดแปลงเอง เห็นเพื่อนๆ มีเป้สะพายเท่ๆก็อยากได้ เมื่อไม่มีตังก็จับกางเกงเก่ามาตัดและเย็บด้วยมือ ตัวกระเป๋าทำจากกางเกงยีนส์สีดำตัดผ้าสีเทาเป็นตัวอักษร T E A M แล้วคัตเวิร์คตกแต่งที่กระเป๋าฝากระเป๋าก็ตัดจากกระเป๋าหลังของกางเกงนี่ล่ะ เลาะกระดุมเหล็กกับทำรังดุมติด แค่นี้ก็เท่ขนาดมีเพื่อนมาขอยืมไปสะพาย

ส่วนเครื่องประดับสุดเก๋ฉันก็เลาะกระดุมลายกระ (กระที่ทำมาจากกระดองเต่า ช่วงหนึ่งในชีวิตวัยรุ่นมันฮิตมากๆมากๆๆๆ) เอาเชือกหนังแท้แบบกลมขนาดพอดีกับรูของกระดุมสอดไปมากับกระดุม 4 – 5 เม็ด มัดๆผูกๆให้รูดปรับขนาดได้ ใส่แทนกำไลแบบที่ไม่มีใครเหมือนจนมีเพื่อนอีกคนมาขอยืมไปใส่เลยนะ ที่ว่าดัดแปลงของมาใช้ ทำของเก่าให้ดูใหม่ เปลี่ยนฟังชั่นของเดิมให้ไฉไลกว่าเก่าน่ะฉันถนัด ส่วนเรื่องแกล้งทำน่ะ มันเกิดจากจินตนาการของฉันเอง ความจริงฉันไม่ได้พอใจจากของที่ได้ตกทอดมาหรอกนะ แต่ทำไงได้ ในเมื่อเราไม่ได้มีอย่างเขา ฉันจึงจำเป็นต้องรับช่วงของเก่าจากพี่ๆ แล้วมาแกล้งทำว่ามีความสุขแบบสะกดจิตตัวเอง พยายามหาทางออกและสร้างความภาคภูมิใจจากชิ้นงานใหม่ของตัวเองจากฝีมือและความคิดของเด็กผู้หญิงในวัยมัธยมคนหนึ่งแกล้งทำว่าตัวเองมีความสุข จนเลยเถิดความรู้สึกนั้น กลายเป็นความสุขจริงๆเพราะฉันเชื่อว่า “ไม่มีใครในโลกนี้จะมีของแบบที่ฉันมีได้” ยังไงล่ะ…

Leave a Reply